ถ้าพูดถึงเรื่องความสวยความงามคงหนีไม่พ้นการศัลยกรรม ที่ปัจจุบันได้เปิดกว้างมากขึ้นทำให้ผู้คนหลากหลายวัยเริ่มหันมาให้ความใส่ใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาครับ โดยการศัลยกรรมลำดับต้น ๆ ที่ได้รับความนิยมนั้นก็คือการเสริมจมูก ยิ่งเป็นครั้งแรก ยิ่งมีเรื่องที่ควรรู้ และศึกษาอีกมากมาย เพราะการ เสริมจมูกครั้งแรก ก็สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าได้อย่างชัดเจนที่สุดนั่นเองครับ
เสริมจมูกครั้งแรก คืออะไร
การเสริมจมูก(Rhinoplasty) คือ การศัลยกรรมผ่าตัดเพื่อตกแต่งรูปทรงของจมูกให้ดูต่างไปจากเดิม เช่น จมูกดูโด่งขึ้น จมูกดูเข้ารูปเหมาะกับใบหน้าขึ้น เป็นต้น โดยส่วนมากจะใช้วัสดุที่ได้รับความนิยมมาช่วยเสริมอย่าง ซิลิโคน ,กอร์เท็กซ์ หรือกระดูกอ่อน ซึ่งล้วนนำมาใช้เสริมเพื่อความงาม อีกทั้งยังสามารถปรับรูปทรง หรือแก้ไขจมูกที่มีความผิดปกติ ไม่ได้สัดส่วนอีกด้วยครับ
ดังนั้นการเสริมจมูก จึงเป็นการแก้ไขปัญหาโครงสร้างจมูกที่ดูไม่เหมาะสมกับใบหน้า ไม่มีมิติ หรือไม่ได้สัดส่วน โดยสามารถวัดได้จากหน้าผาก ปลายจมูก และคางครับซึ่งทั้ง 3 ส่วนนี้แพทย์จะสามารถวัดแล้วได้สัดส่วนที่เท่ากันครับ
นอกจากจะช่วยทำให้ใบหน้าได้รูปที่ทรงสวย ยังสามารถทำเพื่อแก้ไขจมูกที่ผิดรูปร่าง เคยเกิดความเสียหายจากอุบัติเหตุ การกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง อีกทั้งยังช่วยแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการหายใจ และความบกพร่องที่มีมาแต่กำเนิดได้อีกด้วยครับ
ปัญหารูปทรงจมูกแบบไหนเสริมได้บ้าง
สำหรับหนุ่มสาวชาวเอเชียทั้งหลายรวมถึงที่ประเทศไทยมักมีโครงสร้างใบหน้า และรูปทรงจมูกที่ต่างจากโซนยุโรปที่มีใบหน้าค่อนข้างสมส่วน จมูกโด่ง เบ้าตาลึก โหนกแก้มสูง ทำให้ดูแล้วมีมิติ ต่างจากหนุ่มสาวชาวไทยที่มีใบหน้าแบนราบ ไม่มีมิติ โดยเฉพาะจมูกที่ไม่ค่อยมีสัน หรือที่เรียกกันว่าจมูกทรงชมพู่ ปลายจมูกหนากลม จมูกสั้น ปีกจมูกบานกว้าง ซึ่งการเสริมจมูก และการปรับโครงสร้างจมูกถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ทำให้รูปทรงจมูกดูสวยขึ้นได้ไม่ยากครับ
ส่วนปัญหารูปทรงจมูกที่สามารถเสริมได้นั้นมีดังนี้
- คนที่มีปลายจมูกสั้น หรือก็คือบริเวณปลายจมูกนั้นมีขนาดสั้นกว่าปีกจมูก ซึ่งส่งผลให้จมูกดูไม่เข้ากับรูปทรงใบหน้า สามารถแก้ไขได้โดยการเสริมเพื่อเพิ่มปลายจมูกให้ดูยาวขึ้นได้ครับ
- จมูกมีขนาดใหญ่ หรือที่เรียกว่าจมูกทรงชมพู่ เป็นอีกหนึ่งรูปทรงที่สามารถพบเห็นได้บ่อยในชาวไทย ซึ่งจะส่งผลทำให้ใบหน้าดูกลม และบานกว่าปกติ โดยสามารถแก้ไขได้ด้วยการตกแต่งปลายจมูกให้ดูเรียวมากขึ้น และทำให้จมูกมีขนาดเล็กลงจะทำให้ดูเข้ากับใบหน้าหนุ่มสาวชาวไทยครับ
- ปลายจมูกมีลักษณะงุ้ม หรือปลายจมูกแบน ทำให้ดูแล้วเหมือนคนดั้งแหมบ สามารถแก้ไขได้โดยการเสริมปลายจมูกให้ดูเรียว โด่ง หรือที่เรียกว่าทรงสโลปปลายพุ่ง จะทำให้เหมาะกับใบหน้าเพิ่มขึ้นครับ
สำหรับวิธีเบื้องต้นแพทย์เช็กสภาพโดยรวมของปัญหาบริเวณจมูก ว่าต้องการแก้ไขก็แบบไหน แล้วจะแนะนำว่าควรเสริมจมูกอย่างไร แต่ว่าต้องดูโครงสร้างของคนไข้ด้วยว่าเหมาะสมหรือเปล่า หรือว่าต้องการให้แก้ไขตรงไหน เพื่อให้ได้รูปทรงจมูกที่เหมาะกับโครงสร้าง และเข้าใบหน้ามากที่สุดนั่นเองครับ
การเสริมจมูกครั้งแรกมีกี่แบบ
การเสริมจมูกส่วนมากแพทย์จะใช้เทคนิคอยู่ 2 แบบ คือ การเสริมแบบเปิด และการเสริมแบบปิด โดยทั้ง 2 เทคนิคนั้นได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เพราะสามารถแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวกับรูปทรงจมูกได้ดีครับ ซึ่งทั้ง 2 เทคนิคมีรายละเอียดดังนี้
- การเสริมแบบเปิด (Open Technique)
ซึ่งเทคนิคการเสริมแบบเปิด(Open Rhinoplasty) จะเป็นการกรีดแผลเปิดบริเวณปลายจมูก ทำให้แพทย์สามารถเข้าไปปรับโครงสร้างจมูกโดยตรง และมีความแม่นยำสูง เนื่องจากศัลยแพทย์จะเห็นโครงสร้างของกระดูกอ่อนทั้งหมดในจมูก รวมถึงมองเห็นแนวสันจมูกได้ชัดเจน จึงสามารถปรับแต่งได้อย่างสะดวก อีกทั้งยังทำให้สามารถหลีกเลี่ยงการใช้ซิลิโคนที่ไม่จำเป็น ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม ดูเป็นธรรมชาติ รวมไปถึงสามารถใช้เทคนิคยืดผนังกั้นจมูก ตอกฐานจมูก และบีบเข้ามาเพื่อให้สันจมูกดูเล็กลงได้อีกด้วยครับ
โดยแผลผ่าตัดของเทคนิคการเสริมจมูกแบบเปิด จะมีอยู่ทั้งใน และนอกจมูก โดยแผลด้านนอกจะอยู่บริเวณกลางจมูกด้านล่าง ระหว่างรูจมูก หลังผ่าตัดเสร็จจะเห็นเป็นรอยขีดเล็ก ๆ ส่วนแผลด้านในจะอยู่บริเวณเยื่อบุด้านในโพรงจมูก ซึ่งจะอยู่ด้านซ้าย และขวาของแผล แต่เมื่อเวลาผ่านไปรอยแผลจะค่อย ๆ จางลงจนไม่เห็นเลย
ถึงอย่างไรการผ่าตัดแบบเปิด หรือ Open Technique จะใช้ระยะเวลาทำค่อนข้างนานกว่าการเสริมจมูกแบบอื่น ๆ รวมไปถึงศัลยแพทย์ต้องมีความชำนาญ และประสบการณ์ในการผ่าตัดเพื่อความปลอดภัยของคนไข้ทุกท่านนะครับ
ส่วนการเสริมแบบเปิดจะเหมาะกับคนไข้ที่มีโครงสร้างสันจมูกนูน ฮัมพ์สูง จมูกกว้าง ฐานจมูกใหญ่ ไม่ได้สัดส่วน และสามารถใช้ในกรณีที่มีความผิดปกติของจมูกร่วมด้วย เช่น จมูกสั้นเกินไป จมูกงุ้ม ดั้งจมูกโค้งงอ ก็สามารถใช้เทคนิคการเสริมแบบเปิดในการแก้ไขปัญหาได้ทั้งสิ้นครับ
- การเสริมแบบปิด (Closed Technique)
ส่วนการเสริมจมูกด้วยเทคนิคแบบปิด หรือ (Closed Rhinoplasty) จะเป็นการเสริมดั้งให้โด่งขึ้นด้วยการเสริมซิลิโคน หรือใช้วัสดุอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกัน โดยไม่ต้องทำการปรับโครงสร้างกระดูกอ่อนของจมูก จึงทำให้มีความซับซ้อนน้อยกว่าการผ่าตัดแบบเปิด แต่รูปทรงจมูกไม่เหมือนกัน ซึ่งส่วนมากจะนิยมใช้กระดูกอ่อนหลังใบหู เนื้อเยื่อไขมัน หรือเนื้อเยื่อเทียมมารองบริเวณปลายจมูก เพื่อเพิ่มความหนาของเนื้อเยื่อ และลดโอกาสเสี่ยงปลายจมูกทะลุครับ
ในด้านแผลผ่าตัดของเทคนิคแบบปิดจะอยู่ในโพรงจมูก เกิดในกรณีที่ไม่มีความผิดปกติอื่น ๆ นอกจากดั้งจมูกแบนเพียงอย่างเดียว อีกทั้งการเสริมด้วยเทคนิคแบบปิดคนไข้จะไม่ต้องดมยาสลบ ใช้เวลาพักฟื้นน้อยกว่าการเสริมแบบเปิด เนื่องจากเป็นการผ่าตัดที่ง่ายกว่าเทคนิคผ่าตัดแบบเปิด และหลังผ่าตัดเสร็จจะมองไม่เห็นแผลเป็นจากการผ่าตัด
ซึ่งเทคนิคการเสริมแบบปิดนั้น หากคนไข้ไม่มีปัญหาโครงสร้างจมูก จะสามารถทำการเสริมด้วยซิลิโคนได้เลย และเป็นการผ่าตัดเล็กที่ใช้การฉีดยาชาเฉพาะบริเวณจมูกเท่านั้นครับ
สำหรับการเสริมจมูกด้วยเทคนิคแบบปิด ส่วนใหญ่จะเหมาะกับคนไข้ที่ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงฐานบริเวณจมูก โดยมีโครงสร้างเดิมดีอยู่แล้ว ปลายจมูกไม่สั้นเกินไป หรือมีเนื้อหุ้มหนาที่ดีพอควร เพียงแค่ต้องการเพิ่มความโด่ง หรือยืดส่วนปลายให้ยาวกว่าเดิม แต่เทคนิคแบบปิดนั้นมีข้อจำกัดในเรื่องการลดส่วนเกิน เช่น ดั้งจมูกโค้ง งอ จมูกใหญ่ นอกจากนี้ยังเรื่องของความเสี่ยงที่ซิลิโคนจะทำให้เนื้อเยื่อบาง และทะลุได้ ฉะนั้นคนไข้ควรเลือกแพทย์ที่มีความชำนาญ ประสบการณ์สูง และให้คำแนะนำที่เหมาะสมได้ดีนะครับ
สำหรับการศัลยกรรมจมูกนั้นไม่ได้มีแค่เทคนิคที่แตกต่างกันนะครับ แต่วัสดุก็มีความหลากหลายเช่นกัน ซึ่งวัสดุที่ได้รับความนิยมในการศัลยกรรมจมูก จะมีดังนี้ครับ
ซึ่งซิลิโคนจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ ซิลิโคนมาตรฐานธรรมดา ตัวซิลิโคนนั้นจะมีลักษณะค่อนข้างแข็ง และอีกชนิดก็คือ ซิลิโคนมาตรฐานพิเศษ เนื้อซิลิโคนจะมีลักษณะนิ่ม เนียน และมีความยืดหยุ่นได้ดีเป็นพิเศษ สามารถบิดไปมาได้อย่างธรรมชาติครับ
เนื่องจากโครงสร้างจมูกของคนไข้เราจะมีความแตกต่างกัน ถ้าสนใจเสริมจมูก จึงจำเป็นต้องปรึกษาศัลยแพทย์ว่ารูปทรงจมูกของคนไข้เหมาะกับซิลิโคนชนิดใด โดยทั่วไป ถ้าเป็นคนเนื้อจมูกบาง หรือมีเนื้อจมูกน้อย จะเหมาะกับซิลิโคนมาตรฐานพิเศษ จะส่งผลให้ทำแล้วดูเป็นธรรมชาติไม่เป็นแท่ง หรือสันชัดเจนเกินไป แต่ถ้าเนื้อจมูกหนา จะเหมาะกับซิลิโคนมาตรฐานธรรมดามากกว่า เพราะหากใช้ซิลิโคนที่นิ่มไป เนื้อจมูกที่หนาอาจรัดจนซิลิโคนบิดเอียงได้ในอนาคต อีกทั้งยังช่วยลดปัญหาการเห็นบริเวณขอบสันซิลิโคนได้อีกด้วย โดยซิลิโคนจะแบ่งได้อีก 2 ประเภท คือ ซิลิโคนแบบสำเร็จรูป และซิลิโคนแบบเหลาเอง
ส่วนซิลิโคนที่ใช้สำหรับการศัลยกรรมจมูกนั้นจะเป็นชนิดที่ถูกผลิตออกมา เพื่อใช้ทางการแพทย์โดยเฉพาะ มีความปลอดภัย มีปฏิกิริยาต่อร่างกายคนไข้น้อย และร่างกายสามารถรับ และห่อหุ้มแท่งซิลิโคนให้ยึดอยู่กับเนื้อเยื่อได้ดี ส่วนอายุการใช้งานของซิลิโคนที่ใช้เสริมจมูก จะสามารถอยู่ได้ตลอดชีวิต ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน หรือแก้ไขใหม่ เว้นแต่ว่าเคยเสริมไปแล้วต้องการเปลี่ยนรูปทรง หรือซิลิโคนเกิดปัญหาต่าง ๆ ในภายหลังครับ
- กระดูกอ่อน
ส่วนมากกระดูกอ่อนจะมาจากส่วนต่าง ๆ บนร่างกายของคนไข้เองเพื่อใช้สำหรับการเสริม ปรับโครงสร้าง และป้องกันการทะลุในอนาคต เช่น กระดูกอ่อนหลังใบหู, กระดูกอ่อนซี่โครง และกระดูกอ่อนจากผนังกั้นจมูก เป็นต้น
ซึ่งข้อดีในการใช้กระดูกอ่อนของคนไข้มาใช้เสริม จะสามารถช่วยปรับโครงสร้าง และตกแต่งปลายจมูก ให้มีความปลอดภัย เพราะเป็นเนื้อเยื่อของคนไข้เอง ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าแทบจะไม่มีโอกาสที่ร่างกายจะแพ้ หรือต่อต้านเลย เมื่อระยะเวลาผ่านไปร่างกายก็จะทำการสมานจนกลายเป็นเนื้อเดียวกัน ยิ่งนานวันก็ยิ่งดูสวยจนเป็นธรรมชาติ สามารถแก้ไขได้ดีทั้งในกรณีเสริมใหม่ หรือกรณีที่ต้องการแก้ไขจากการเสริมครั้งก่อน แม้แต่ผิวคนไข้ที่บางมาก หรือเคยทะลุมาก่อน ก็สามารถตกแต่งปลายจมูกตามที่ต้องการได้โดยไม่เสี่ยงทะลุ ซึ่งให้ผลลัพธ์ดีกว่าเสริมด้วยซิลิโคนอย่างเดียว โดยกระดูกอ่อนแต่ละส่วนบนร่างกายของคนไข้นั้นสามารถช่วยได้อย่างไร ไปดูเพิ่มเติมได้ในบทความนี้เลยครับ
- กระดูกอ่อนหลังใบหู
ถือว่าเป็นส่วนที่นิยมนำมาใช้มากที่สุด โดยตัวกระดูกอ่อนจะมีลักษณะโค้งงอเล็กน้อย หลังนำกระดูกอ่อนออกมาจากหลังใบหู จะช่วยเสริมปลายจมูกให้สวย และลดโอกาสเสี่ยงทะลุได้ ซึ่งจะไม่ส่งผล กระทบกับการเปลี่ยนแปลงของใบหู แต่อาจต้องดูแลแผลหลังใบหูเพิ่มเติม และต้องงดสระผม 1-2 สัปดาห์
- กระดูกอ่อนผนังกั้นจมูก
จะเป็นการใช้เทคนิคผ่าตัดแบบเปิดยืดผนังกั้นจมูก โดยนำกระดูกอ่อนที่อยู่บริเวณกึ่งกลางรูจมูกออกมาบางส่วน เพื่อใช้ปรับตำแหน่ง และต่อเติมจมูกจริงให้ยาวขึ้น ซึ่งกระดูกอ่อนส่วนนี้จะทำให้ได้ปลายจมูกพุ่งสวย โดยไม่ต้องมีแผลแบบการใช้กระดูกอ่อนหลังใบหูครับ
- กระดูกอ่อนซี่โครง
สำหรับเทคนิคนี้จะเป็นวิธีที่แพทย์จะต้องผ่าตัดเปิด เพื่อเอากระดูกซี่โครงอ่อนขนาด 2 – 5 เซนติเมตร ออกมาประมาณ 1 – 2 ซี่ โดยจะทำให้มีแผลบริเวณใต้ราวนม อีกทั้งยังใช้เวลาในการผ่าตัดนาน และต้องใช้ศัลยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญค่อนข้างสูงครับ เนื่องจากมีความเสี่ยงจากหลาย ๆ ปัจจัยนั่นเองครับ
และในปัจจุบันยังมี เทคนิคการศัลยกรรมจมูกแบบไร้ซิลิโคน โดยจะใช้กระดูกอ่อนซี่โครงเป็นวัสดุในการเสริมจมูกแทนซิลิโคน เนื่องจากกระดูกอ่อนซี่โครงมีปริมาณเนื้อกระดูกมากพอ แต่คนไข้อาจรู้สึกไม่คุ้นหูเท่าการเสริมด้วยซิลิโคน แถมความนิยมก็ยังไม่เท่าแบบการเสริมด้วยซิลิโคน แต่ก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งการนำกระดูกอ่อนซี่โครงมาใช้ จะสามารถเปลี่ยนโครงสร้างปลายจมูกให้พุ่ง , ยาว , โค้ง ได้ดีมาก
โดยเฉพาะคนไข้ที่มีปัญหาจมูกสั้น ต้องการทรงจมูกที่โด่งยาวพุ่ง ไม่ต้องกังวลว่าปลายจมูกจะบาง หรือทะลุ และยังยุบบวมเร็วกว่าการเสริมด้วยซิลิโคนอีกด้วย อย่างไรก็ตามการเสริมจมูกด้วยกระดูกอ่อนซี่โครงมีรายละเอียดในการทำที่ค่อนข้างยุ่งยากกว่าการเสริมด้วยซิลิโคนทั่วไป เพราะต้องผ่าตัดนำกระดูกอ่อนซี่โครงออกมา แล้วนำมาตกแต่งให้ได้รูปทรงตามต้องการก่อนจะไปจัดวางไว้ในโครงสร้างจมูก ดังนั้นต้องอาศัยความเชี่ยวชาญจากศัลยแพทย์เฉพาะทางที่มีความรู้ และประสบการณ์สูงครับ