ถ้าให้พูดถึงการทำศัลยกรรมบนใบหน้าการ เสริมจมูก จัดเป็นศัลยกรรมยอดฮิต อันดับต้นๆ ที่ติดลมบน เลยก็ว่าได้ค่ะ นั่นก็เพราะจมูกนั้น เป็นศูนย์กลางของใบหน้า ส่งผลให้เมื่อหลังทำการผ่าตัดออกมาดูดีแล้ว ใบหน้าก็มีการเปลี่ยนแปลงไปด้วยนั่นเอง ทั้งนี้ยังจัดเป็นหัตถการสำหรับแก้ไขปัญหาโครงปัญหาจมูกที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบันเช่น เสริมจมูกแบบโอเพ่น เนื่องจากโครงสร้างจมูกที่ไม่ได้รูป ไม่มีมิติ สัดส่วนไม่เหมาะสม เมื่อวัดจากหน้าผาก ปลายจมูก และคาง โดยทั้ง 3 ส่วนนี้ควรสมดุลกันค่ะ ทำจมูกนอกจากจะทำเพื่อความสวยงามแล้ว ยังสามารถใช้เพื่อแก้ไขปัญหาจมูกที่ผิดรูป หรือผู้ที่จมูกเกิดความเสียหายจากอุบัติเหตุ รวมถึงการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการหายใจ และความบกพร่องที่มีมาแต่กำเนิดได้อีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมีผลลัพธ์ที่แตกต่างกันไปตามแต่บุคคลอีกด้วย เนื่องด้วยข้อจำกัดของใบหน้าที่แตกต่างกันในแต่ละบุคคล อาทิ ความกว้างปีกจมูก ระยะห่างของดวงตา รวมถึงเนื้อจมูกที่บางคนอาจจะมีน้อย ซึ่งปัจจัยเหล่านี้นี่เอง อาจจะส่งผลให้ได้ ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันได้หลังการทำหัตถการอีกด้วย
เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน
Toggleในการเตรียมตัวอย่างแรกที่ควรทำคือต้องได้รับคำปรึกษาจากศัลยแพทย์ เพื่อตรวจดูปริมาณเนื้อบริเวณจมูก โครงสร้างจมูกและโครงสร้างใบหน้าว่าเป็นอย่างไร และในการเข้ารับบริการนั้น ควรมีอายุ 16 ปี ขึ้นไปเพราะรูปทรงโครงหน้าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงแล้วจึงไม่ส่งผลต่อโครงของจมูกที่ทำไปด้วย แนะนำว่า ทรงจมูกที่สวยดูดี คือทรงจมูกที่เข้ากับใบหน้าของเราและดูเป็นธรรมชาติ
การทำหัตถการนั้น ไม่ใช่แค่ทำให้จมูกดูโด่งขึ้น แต่มันคือการแก้ไขโครงสร้างใบหน้าด้วย ดังนั้นในก่อนการผ่าตัดควรปรึกษาศัลยแพทย์เพื่อประเมินโครงสร้างจมูก เนื้อจมูก โครงสร้างใบหน้าทุกครั้งก่อนเข้ารับการผ่าตัด เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตเช่น รูปทรงจมูกไม่สวยงาม เบี้ยวเอียง ไม่เข้ารูป หรือซิลิโคนที่ใส่ไว้ด้านในทะลุออกมา เป็นต้น
สำหรับกลุ่มคนแถบเอเชียรวมถึงในไทยแล้ว การผ่าตัดประเภทนับเป็นศัลยกรรมที่ไม่เคยตกเทรนด์ เนื่องจากในกลุ่มชาวเอเชียรวมถึงในไทยมักจะพบปัญหา ไม่มีดั้ง จมูกใหญ่ จมูกบาน ส่งผลให้การเสริมจมูกเป็นที่นิยม เพราะเป็นการเพิ่มความมั่นใจ เพิ่มโอกาสในหน้าที่การงาน เสริมโหงวเฮ้ง
ปัจจุบันการผ่าตัดจมูกให้ดูสวย ดูดีเป็นธรรมชาตินั้นทำได้ไม่ยาก แต่ถ้าเอ่ยถึงเรื่องความปลอดภัยควบคู่ความสวยแล้วควรเลือกสถานพยาบาลที่น่าเชื่อถือ มีมาตรฐาน อุปกรณ์เครื่องมือในการผ่าตัดควรสะอาด และที่สำคัญคือควรเลือกศัลยแพทย์มีความเชียวชาญ เพื่อความสวยแบบมั่นใจและควบคู่ไปกับความปลอดภัยในระยะยาว
โดยหลักๆ จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทได้แก่ การใช้ ซิลิโคน และการใช้กระดูกอ่อนค่ะ เนื่องจากโครงสร้างจมูกของคนเรานั้น ไม่เหมือนกันค่ะ ดังนั้นจึงควรปรึกษาศัลยแพทย์ก่อนตัดสินใจค่ะ
ประเภทที่หนึ่ง เสริมจมูกโดยใช้ซิลิโคน มาตรฐาน
การใช้ “ซิลิโคน” ในการเสริมนั้น โดยจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ ได้แก่
ประเภทที่ 1 การใช้ ซิลิโคนแบบพิเศษ เนื้อซิลิโคนจะนิ่ม เนียน และมีความยืดหยุ่นได้ดีเป็นพิเศษ สามารถบิดไปมาได้ ซึ่งจะเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเนื้อจมูกน้อย โดยจะมีจุดเด่นที่ ทำให้ทรงจมูกดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งเป็นแท่ง หรือดูเป็นแม่มดนั่นเองค่ะ
ประเภทที่ 2 การใช้ ซิลิโคนมาตรฐานธรรมดา ซิลิโคนจะมีลักษณะค่อนข้างแข็ง ซิลิโคนประเภทนี้จะเหมาะกับผู้ที่ มีเนื้อจมูกค่อนข้างแข็งและหนาค่ะ โดยจุดเด่นคือ ซิลิโคน ประเภทนี้จะมีความแข็งสูงทำให้ไม่เกิดการบิดเอียงในอนาคตนั่นเองค่ะ เหมาะในส่วนของผู้ที่เนื้อจมูกมีน้อย รวมถึงจมูกที่สั้น แล้วต้องการแบบทรงหยดน้ำ
ซิลิโคนที่ใช้ในการเสริมจมูกนั้น เป็นแบบที่ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อใช้ในทางการแพทย์โดยเฉพาะ จุดเด่นคือมีความปลอดภัยสูง และโอกาสการเกิดปฏิกิริยาต่อต้านจากร่างกายค่อนข้างน้อยค่ะ นอกจากนี้ยังถูกออกแบบมาให้รองรับต่อการเชื่อมต่อกับผิวหนังได้อย่างดี ส่งผลให้ชั้นผิวสามารถห่อหุ้มแท่งซิลิโคนได้แนบสนิดได้ดี ในด้านของอายุการใช้งานนั้น ตัวซิลิโคนถูกออกแบบมาให้สามารถใช้ได้ตลอดชีวิต โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน หรือแก้ไขใหม่เมื่ออายุมากขึ้นค่ะ ยกเว้นหากต้องการเปลี่ยน หรือแก้ทรงใหม่ค่ะ แต่ทั้งนี้ข้อความระวังของการใช้ซิลิโคนแบบธรรมดานั้น มีโอกาสที่ซิลิโคน จะทะลุปลายจมูกค่อนข้างสูงค่ะ
ซึ่งหากพบเจอเคสแบบที่อธิบายมาข้างต้น โดยส่วนใหญ่แล้ว ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จะแนะนำให้ใช้วัสดุประเภทอื่นแทนค่ะ โดยจะแบ่งออกเป็นอีก 3 ชนิดหลักๆ ดังนี้ค่ะ การใช้กระดูกซี่โครงแทนการ กระดูกอ่อนหลังหู ผนังกั้นจมูก
ในปัจจุบัน เทคนิคการเสริมจมูกแบบไร้ซิลิโคน นั้นได้กำลังได้รับความนิยมอย่างมากก็ว่าได้ค่ะ โดยจะใช้กระดูกอ่อนภายในร่างกายของเราเป็นวัสดุแทนนั่นเองค่ะ เช่น การใช้กระดูกซี่โครง เสริมแทนซิลิโคนตลอดความยาวของจมูก เนื่องจากจุดเด่นของกระดูกอ่อนบริเวณซี่โครงนั้น มีปริมาณเนื้อกระดูกมาก และยังมีความยืดยุ่นกว่าซิลิโคนหลายเท่า ซึ่งการนำกระดูกอ่อนซี่โครงมาใช้จะสามารถเปลี่ยนโครงสร้างปลายจมูกให้พุ่ง, ยาว, โค้ง ได้ดีมาก โดยไม่ต้องกลัวว่าปลายจมูกจะบาง หรือทะลุ และยังยุบบวมเร็วกว่าการเสริมด้วยซิลิโคน
ทั้งนี้การใช้กระดูกอ่อนซี่โครงมีรายละเอียดในการทำที่ค่อนข้างยุ่งยากกว่าการเสริมด้วยซิลิโคนทั่วไป เนื่องจากต้องเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการผ่าตัดเพื่อนำกระดูกอ่อนซี่โครงออกมา แล้วจึงทำการตกแต่งขึ้นรูปให้ได้รูปทรงตามที่ต้องการก่อน จึงสามารถนำไปจัดวางไว้ตามตำแหน่งที่ต้องการได้ ซึ่งขั้นตอนนี้ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญ และ ประสบการณ์ จากศัลยแพทย์ ผู้รับผิดชอบการผ่าตัดอย่างมาก
การเสริมจมูกไม่ใช้ซิลิโคนนั้น เป็นการใช้วัสดุทดแทนจากธรรมชาติ เพื่อทดแทนการใช้ซิลิโคน โดยส่วนใหญ่แล้วจะใช้จากร่างกายคนไข้เพื่อปรับโครงสร้างของจมูก
การใช้กระดูกอ่อนของคนไข้เพื่อเสริม ตกแต่งปลาย และปรับโครงสร้างของจมูกนั้น จะมีความปลอดภัยมากกว่าการใช้ซิลิโคนค่ะ เนื่องจากเป็นเนื้อเยื่อจากร่างกายของคนไข้เอง ทำให้โอกาสที่จะเกิดแพ้ การต่อต้านของระบบภายในร่างกายและผลข้างเคียงอื่นๆ เกือบเป็นศูนย์เลยนั่นเอง ทั้งนี้เมื่อระยะเวลาผ่านไปเซลล์เม็ดเลือดขาวในร่างกายของเราก็จะทำการซ่อมแซม และสมานกระดูกอ่อนที่ใช้ทำการเสริมเข้ากับส่วนของที่มีอยู่เดิมจนกลายเป็นเนื้อเดียวกัน จึงทำให้ผลลัพธ์ดูสวยเป็นธรรมชาติมากกว่าการใช้ซิลิโคนนั่นเอง ทั้งนี้หากคนไข้ต้องการเปลี่ยนรูปทรงของจมูก หรืออยากเสริมใหม่ ก็สามารถทำได้ไม่มีปัญหาเลยค่ะ
และที่สำคัญเทคนิคการเสริมแบบไม่ใช้ซิลิโคนนี้ยังสามารถใช้ ทำการแก้ไข เคสจมูกที่เคยทะลุ หรือเคสที่เสริมมาแล้วเกิดปัญหาผิวบาง พร้อมทั้งยังสามารถใช้ตกแต่งปลายจมูกใหม่ได้ตามที่ต้องการได้โดยไม่เสี่ยงทะลุ ในอนาคตอีกด้วย ผลลัพธ์ของทรงจมูกที่ได้จะดูเป็นธรรมชาติมากกว่าการใช้ซิลิโคนค่ะ ทั้งนี้ยังมีความปลอดภัยสูง และไม่มีผลข้างเคียงรวมถึงอาการแพ้อีกด้วย เนื่องจากวัสดุที่ใช้นั้น เป็นเนื้อเยื่อจากร่างกายของเราเอง แต่ทั้งนี้ก็มีข้อเสียอยู่เหมือนกันค่ะ ข้อเสียที่ว่าก็คือราคาที่ค่อนข้างสูงกว่าการใช้ซิลิโคนมากนั่นเอง และยังรวมถึงความเชี่ยวชาญและความชำนาญของศัลยแพทย์ ผู้ทำการผ่าตัดด้วยค่ะ
ศัลยแพทย์จะแบ่งเทคนิคการผ่าตัดเป็น 2 เทคนิคหลักๆ คือ
เทคนิคการผ่าตัดรูปแบบนี้ศัลยแพทย์จะสามารถเห็นโครงสร้างของจมูกภาพรวมได้ทั้งหมด โดยการศัลยแพทย์จะทำการเปิดแผลบริเวณใต้ฐานของจมูก แล้วทำการลงมีดกรีดผ่าในแนวดิ่งจนเห็นแกนของจมูก เพื่อแยกผิวหนังออกจากโครงสร้างของจมูก แล้วทำการปรับแต่งโครงสร้างเดิมที่มีปัญหาก่อน เพื่อรองรับการออกแบบโครงสร้างใหม่ค่ะ
การผ่าตัดแบบโอเพ่นนี้จะเหมาะ กับเคสที่ต้องการแก้ไขจมูก หรือเคสที่มีปัญหาในส่วนโครงสร้างจมูก อาทิ จมูกสั้น จมูกคดเบี้ยว ในส่วนของวัสดุที่ใช้ในการเสริมแบบโอเพ่นนั้น สามารถใช้ ซิลิโคน และกระดูกอ่อน ทั้งในรูปแบบของการปรับโครงสร้างจมูก และใช้ในการรองปลายจมูก เพื่อป้องกันการทะลุในอนาคตคราวเดียวกัน แต่ทั้งนี้การเลือกใช้วัสดุ จะขึ้นอยู่ กับการวินิจฉัยของศัลยแพทย์ผู้ทำการผ่าตัด
กระดูกอ่อนบริเวณที่นิยมนำมาใช้ในการเสริมแบบโอเพ่น
โดยหลักๆ แล้วมักจะนิยมใช้ในส่วนของกระดูกอ่อนบริเวณหลังหู และกระดูกแกนจมูกเป็นส่วนใหญ่ค่ะ เนื่องจากสามารถผ่าตัดนำเอาออกมาใช้ได้ง่าย แต่หากว่าคนไข้เคยใช้กระดูกอ่อนแกนจมูก รวมถึงกระดูกอ่อนหลังหูไปแล้ว แพทย์เจ้าของเคสจะพิจารณาให้ใช้กระดูกอ่อนบริเวณซี่โครงแทน
ทำให้ก่อนเข้ารับการผ่าตัดเสริมแบบโอเพ่น คนไข้จะต้องผ่านการประเมินจากแพทย์เจ้าของเคส โดยละเอียดก่อนทุกครั้ง เพื่อให้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ ก่อนทำการเลือกเทคนิคการผ่าตัด รวมถึงวัสดุสำหรับใช้เสริมจมูกได้อย่างเหมาะสม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่คนไข้ต้องการ และที่สำคัญหลังเข้ารับการผ่าตัด ควรปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
ขั้นตอนการเสริมจมูกแบบเปิด (Open Rhinoplasty)
การเสริมจมูกแบบเปิดนั้น ขั้นตอนแรกวิสัญญีแพทย์จะให้คนไข้จะต้องดมยาสลบ จากนั้นศัลยแพทย์จะทำการผ่าตัดเปิดบริเวณใต้ฐานจมูกในแนวดิ่งจนถึงแกนจมูก เพื่อแยกโครงสร้างจมูกกับ ผิวหนังชั้นนอกออกจากกัน เพื่อให้สามารถเห็นโครงสร้างจมูกได้ทั้งหมด แล้วจึงทำการปรับแต่งโครงสร้างของจมูกเดิมที่มีปัญหาก่อนทำการออกแบบโครงสร้างจมูกใหม่ค่ะ
อาทิ การตะไบกระดูกสันจมูกนูนขึ้น หรือ การตัดแต่งกระดูกจมูกเดิมที่คดเบี้ยวให้ตรง ทั้งนี้หากกรณีที่คนไข้มีปัญหาจมูกสั้นก็สามารถแก้ได้โดยใช้กระดูกผนังกั้นจมูกเพื่อยืดความยาวได้ค่ะ และทำการเสริมด้วยซิลิโคน กระดูกอ่อนของคนไข้ หรือเสริมด้วยซิลิโคนร่วมกับการการใช้กระดูกอ่อนส่วนต่างๆ
หมายเหตุ กรณีที่ใช้กระดูกอ่อนซี่โครง, กระดูกอ่อนหลังใบหู และกระดูกอ่อนจากผนังกั้นจมูก ซึ่งการผ่าตัดแบบโอเพ่น จะใช้เวลาอย่างน้อย 3-4 ชั่วโมง และหลังผ่าตัดนั้น ต้องนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาล อย่างน้อย 1 คืนค่ะ
การเสริมจมูกแบบปิด Close Endonasal Rhinoplasty เป็นการเปิดแผลบริเวณขอบรูจมูกข้างเดียว หรือสองข้างขึ้นอยู่กับความชำนาญของศัลยแพทย์ เพื่อปรับแต่งโครงสร้างภายในจมูก เช่น ตะไบฮัมพ์ (Rasping) แล้ววางแท่งซิลิโคนเข้าไปตามรอยแผลผ่าตัด ซึ่งสามารถใช้ซิลิโคนอย่างเดียวหรือใช้เทคนิคเสริมปลายจมูกด้วยกระดูกอ่อนหลังใบหูร่วมด้วย เทคนิคการทำแบบปิด Close Endonasal Rhinoplasty ศัลยแพทย์จะไม่สามารถมองเห็นโครงสร้างจมูกได้ทั้งหมด จึงเหมาะสำหรับคนไข้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโครงสร้างจมูกเล็กน้อย หรือมีโครงสร้างจมูกดีอยู่แล้ว แต่ต้องการความพุ่งโด่งของจมูก
ขั้นตอนการเสริมจมูกแบบปิด (Close Endonasal Rhinoplasty)
การผ่าตัดเสริมจมูกแบบปิด (Close Endonasal Rhinoplasty) ใช้เวลาประมาณ 1 ช.ม. เพราะเป็นการผ่าตัดที่มีขั้นตอนไม่ซับซ้อน และใช้เวลานอนพักไม่นาน เมื่อยานอนหลับจะหมดฤทธิ์หรือตัวคนไข้รู้สึกตัวก็สามารถกลับบ้านได้ โดยมีขั้นตอนดังนี้
1.ศัลยแพทย์จะให้ยานอนหลับและฉีดยาชาบริเวณรอบจมูก
2.ศัลยแพทย์จะเปิดแผลบริเวณปลายจมูกประมาณ 1 ซ.ม. อาจจะเปิดสองข้างหรือข้างเดียว ขึ้นอยู่กับความชำนาญของศัลยแพทย์
3.ปรับแต่งโครงสร้างจมูกด้านใน เช่น ตะไบฮัมพ์ (Rasping) หลังจากนั้นใส่ซิลิโคนเข้าไปตามรอยแผลผ่าตัด
4.จัดวางซิลิโคนให้เรียบรอย แล้วเย็บปิดปากแผลบริเวณขอบจมูก
5.ปิดพลาสเตอร์หรือเฝือกจมูก เพื่อลดการกระทบกระเทือน ป้องกันแผลจมูกโดนน้ำโดยตรง รักษารูปทรงจมูกหลังเสริมทันที และช่วยให้แกนจมูกเข้าที่ได้เร็วขึ้น
ควรงดทานยากลุ่มแอสไพริน หรือ ไอบิวโพรเฟน ซึ่งอาจจะส่งผลให้เกิดอาการบวมช้ำ จากเลือดครั่งหลังผ่าตัดได้ค่ะ งดน้ำ งดอาหารอย่างน้อย 6 ชั่วโมงก่อนการผ่าตัด และควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารเสริมที่มีผลต่อการไหลของเลือด เช่น วิตามินต่างๆ น้ำมันตับปลา เนื่องจากจะส่งผลให้เลือดแข็งตัวได้ช้า (หยุดไหลช้า) หลังการผ่าตัดค่ะ
ในช่วง 1 – 2 วันแรก ควรทำการประคบเย็น เพื่อป้องกันอาการช้ำหลังผ่าตัด โดยใช้แผ่นเจล หรือผ้าชุบน้ำเย็นก็ได้ค่ะ ในกรณีที่เกิดรอยช้ำขึ้นมาบ้างแล้ว แนะนำให้ใช้น้ำอุ่นประคบต่อ ทั้งนี้ควรนอนยกศีรษะสูงกว่าปกติ เพื่อไม่ให้เลือดไหลไปยังบริเวณแผล ป้องกันอาการบวมจากเลือดที่คั่งค่ะ
การล้างหน้าแนะนำใช้ สบู่เหลว หรือโฟมล้างหน้า แบบอ่อนๆ ล้างหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายที่เกิดกับเซลล์ผิวบริเวณใกล้ๆ ปากแผลค่ะ ทั้งนี้แนะนำให้ล้างแบบเบาๆ นะคะ การทำความสะอาดบริเวณแผลด้วยน้ำสะอาด โดยใช้ Cotton Bud จุ่มน้ำแล้วค่อยๆ ทำความสะอาดค่ะ
กรณีเสริมจมูกด้วยกระดูกอ่อนซี่โครง ซึ่งมีการผ่าตัดบริเวณสีข้างเพื่อนำซี่โครงมาใช้นั้น จะมีระยะเวลาในการพักฟื้นอยู่ที่ประมาณ 30 – 45 วันค่ะ และควรหลีกเลี่ยงงานหนัก เพราะอาจจะส่งผลให้แผลบริเวณสีข้างเปิดได้ค่ะ
การโดนกระแทก ภายใน 30 – 45 วัน หรือช่วงที่ จมูกยังไม่เข้าที่ดีหลังผ่าตัด เป็นสิ่งที่ควรระมัดระวังอย่างมากเนื่องจากวัสดุที่ใช้ในการเสริมอย่างแท่งซิลิโคน หรือกระดูกอ่อนนั้น ยังไม่ถูกเนื้อจมูกห่อหุ้มจนแข็งแรงพอที่จะรับแรงกระแทกได้ค่ะ โดยจะใช้เวลาพักฟื้นระยะหนึ่งจึงจะสามารถ เริ่มที่จะรับแรงกระแทกได้ หากต้องการมั่นใจว่าจะสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ จับและสัมผัสจมูกได้แบบไม่เกิดเอฟเฟคเลยจะอยู่ที่ประมาณ 3 เดือนขึ้นไปค่ะ
การผ่าตัดปีกจมูกสามารถทำร่วมกับการเสริมจมูกได้ เพื่อให้มีรูปทรงจมูกได้สัดส่วนสวยงาม ส่วนใหญ่แล้วแต่ละคนจะมีปัญหาปีกจมูกที่แตกต่างกัน เช่น ปีกจมูกหนา ปีกจมูกบาน ปีกจมูกใหญ่ ในคนไข้ที่มีจมูกที่โด่งพุ่งอยู่แล้ว ก็สามารถตัดปีกจมูก เพียงอย่างเดียวได้ โดยเทคนิคที่ศัลยแพทย์เลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคการศัลยกรรมแบบเปิด หรือ การศัลยกรรมแบบปิด ก็สามารถทำร่วมกับการตัดปีกจมูกได้ นอกจากนี้การปรับแต่งโครงสร้างจมูก เช่น การตะไบฮัมพ์ (Rasping) หรือ การตอกปรับฐาน ศัลยแพทย์อาจใช้เทคนิคการศัลยกรรมเสริมจมูกด้วยเนื้อเยื่อ หรือกระดูกอ่อนของคนไข้เอง เช่น กระดูกอ่อนหลังหู กระดูกอ่อนซี่โครง ก็สามารถทำร่วมกับการตัดปีกจมูกได้เช่นกัน
การผ่าตัดปีกจมูกเป็นการผ่าตัดเพื่อลดขนาดของปีกจมูก ทำให้รูปทรงปีกจมูกเล็วเรียวลงอย่างเห็นได้ชัด โดยมีขั้นตอนดังนี้
อ่านเพิ่มเติม เสริมจมูกซิลิโคน คลิก
เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า